วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2555

ราคา iPhone 4Sและราคา iPhone 4 8GB



ราคา iPhone 4S และราคา iPhone 4 8GB เครื่องศูนย์ มาบุญครอง เครื่องหิ้ว MBK (เครื่องนอก) วันที่ 10 มกราคม 2555 (ราคาไอโฟน 4s ราคาไอโฟน 4 อัพเดท)


ในที่สุด ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ไอโฟนรุ่นใหม่ของปี 2011 และเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นต่อยอดจาก ไอโฟน 4 (iPhone 4) ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ตามวันและเวลาในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ อาจจะสร้างความผิดหวัง ให้กับใครหลายๆ คนที่รอคอย ไอโฟน 5 (iPhone 5) ที่ภาพตามข่าวลือนั้น มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ใหม่เกือบทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้ว ไอโฟนของปี 2011 นี้ กลายเป็น ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ที่มีดีไซน์เหมือนกับ ไอโฟน 4 (iPhone 4) ทุกประการครับ แต่ชิพเซ็ทภายในตัวเครื่องนั้น ได้เปลี่ยนจาก Apple A4 แบบ Single-core Processor มาเป็น Apple A5 ซึ่งเป็นแบบ Dual-core Processor แบบเต็มตัว ซึ่งให้ประสิทธิภาพในการทำงาน เร็วกว่า ไอโฟน 4 (iPhone 4) ถึง 7 เท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้ Apple A5 ยังเป็นชิพเซ็ทตัวเดียวกับที่ใช้บน ไอแพด 2 (iPad 2) อีกด้วยครับ
นอกจาก ไอโฟน 4S (iPhone 4S) จะมีการเปลี่ยนแปลงชิพเซ็ทภายในตัวเครื่องแล้ว กล้องถ่ายรูปด้านหลัง ได้ถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน โดยความละเอียดของกล้องอยู่ที่ 8 ล้านพิกเซล และบันทึกภาพเคลื่อนไหว ได้ความละเอียดสูงสุดแบบ Full HD 1080p เลยทีเดียวครับ นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้งาน ไอโฟน 4S (iPhone 4S) อยู่ในขณะนี้ ก็คือ โปรแกรม Siri ผู้ช่วยอันชาญฉลาด ที่สามารถทำงานแทนเราได้ เพียงแค่เอ่ยปากสั่ง หรือ ถาม โดยโปรแกรม Siri ถือว่า เป็นจุดเด่นของ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เลยก็ว่าได้ครับ
 บทความเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่าง ไอโฟน 4S (iPhone 4S) และ ไอโฟน 4 (iPhone 4) คลิ๊กที่นี่

การวางจำหน่าย ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ในประเทศไทย
ในตอนนี้ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) วางจำหน่ายในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา จากทั้ง 3 เครือข่ายผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะเป็น Dtac, AIS และ Truemove H โดยก่อนหน้านั้น ได้เปิดพรีออเดอร์ให้ได้จับจองกัน และเต็มโควต้าในเวลาอันรวดเร็วครับ ซึ่งเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา หน้าเว็บไซต์ของ Apple ประเทศไทย ได้เปิดจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ซึ่งราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องเปล่าจาก Apple นั้น กลับมีราคาถูกกว่าราคาเครื่องเปล่า จากศูนย์ Dtac, AIS และ Truemove H ถึง 1,500 บาทเลยทีเดียว แต่ต้องรอเวลาขนส่งประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงจะได้เครื่องครับ ซึ่งท่านใดที่กำลังมองหา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องเปล่าอยู่ แต่ไม่รีบร้อนที่จะใช้ในตอนนี้ การสั่งจองผ่านทาง Apple Store ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีครับ
ราคา iPhone 4S ที่ Apple Store (จองออนไลน์)
นอกจากนี้ ทางร้าน iStudio ได้เปิดจอง ไอโฟน 4S (iPhone 4S) แล้วเช่นกัน ก่อนจะเปิดจำหน่ายในวันที่ 23 ธันวาคมนี้
สำหรับการสำรวจ ราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) หลังจากที่ทางศูนย์ Dtac, AIS และ Truemove H เปิดจำหน่ายแล้ว พบว่าราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องหิ้วแบบ Unlock ได้มีการปรับราคาลงแล้วนะครับ ซึ่งเครื่อง Unlock เท่าที่สำรวจ จะมีเครื่องหิ้วทั้งจากฮ่องกง และสิงคโปร์ รวมไปถึงเครื่อง US ด้วย โดย ไอโฟน 4S (iPhone 4S) รุ่น 16GB เครื่องหิ้วนั้น เริ่มต้นที่ประมาณ 25,000 บาท แต่ถึงแม้ว่า จะมีการปรับราคาลดลง แต่ราคาก็ยังสูงอยู่ดีครับ
ส่วนราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องศูนย์ที่มาบุญครองในขณะนี้ พบว่า มีราคาสูงกว่าที่ศูนย์มากเลยทีเดียว ปัจจัยนึงอาจจะเป็นเพราะว่า ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องศูนย์นั้น ยังคงมีจำนวนจำกัดอยู่ ทำให้ผู้ที่จองพรีออเดอร์ไม่ทัน แต่อยากได้ ต้องหาลู่ทางอื่นในการให้ได้เครื่องมา ถ้าไม่เลือกเครื่อง Unlock จากต่างประเทศ สุดท้ายก็มาลงเอยที่เครื่องศูนย์ที่มาบุญครองนั่นเอง อย่างไรก็ดี ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องศูนย์ที่มาบุญครองนั้น ยังคงได้รับการรับประกันตัวเครื่อง เช่นเดียวกับเครื่องศูนย์จาก Dtac, AIS และ Truemove H เช่นกันครับ
ถึงแม้ว่า ราคาเครื่องหิ้ว จะมีราคาที่ถูกกว่าเครื่องศูนย์มาบุญครอง แต่จุดที่แตกต่างกันก็คือ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องหิ้วนั้น จะไม่ได้รับการประกันจากศูนย์ในไทยครับ
อย่างไรก็ดี ในวันที่เปิดตัว ไอโฟน 4S (iPhone 4S) นั้น ได้มีการเปิดตัว ไอโฟน 4 (iPhone 4) ขนาด 8GB ด้วยเช่นกัน ซึ่งราคาถูกลงเล็กน้อย ซึ่งท่านใดที่สนใจ ไอโฟน 4 (iPhone 4) ขนาด 8GB ลองมาดูราคากันครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ควรซื้อ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) ในตอนนี้หรือไม่ เครื่องศูนย์ หรือเครื่องหิ้ว
ถ้าหากท่านใด ที่อยากจะซื้อ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องหิ้ว ควรมองหาร้านที่ไว้ใจได้นะครับ ดูราคาที่ไม่ถูกจนหลอกล่อเงินในกระเป๋าเรามากจนเกินไป ซึ่งในตอนนี้ ราคาเครื่องหิ้ว ถึงแม้จะมีการปรับลดราคาลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงแพงกว่าเครื่องศูนย์อยู่ดี เนื่องจาก Demand มากกว่า Supply นั่นเอง แต่ใครที่ซื้อ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) เครื่องหิ้วในตอนนี้ ข้อดีคือ ได้ของกลับไปอย่างแน่นอน แต่ถ้าซื้อผ่านทาง 3 โอเปอร์เรเตอร์หลัก ต้องทำใจรอไว้ก่อนครับ ฉะนั้น ใครที่อยากจะซื้อเครื่องหิ้้ว ต้องพิจารณาในเรื่องของราคา และความปลอดภัยเป็นสำคัญครับ
แพ็กเกจค่าโทร ค่าอินเทอร์เน็ต สำหรับ ไอโฟน 4S (iPhone 4S)
นอกจากเรื่องของราคา ไอโฟน 4S (iPhone 4S) แล้ว เราควรจะต้องคำนึงถึง ค่าบริการรายเดือน รวมไปถึง แพ็กเกจอินเทอร์เน็ตที่มีมาให้ด้วยนะครับ ลองมาดูแพ็กเกจจาก ผู้ให้บริการทั้ง 3 รายในไทยกันครับ
Dtac ไอโฟน 4S (iPhone 4S) Package
AIS ไอโฟน 4S (iPhone 4S) Package
Truemove H ไอโฟน 4S (iPhone 4S) Package
 บทความ เปรียบเทียบราคา และโปรโมชั่นของ ไอโฟน 4S (iPhone 4S) จาก 3 ค่าย AIS, Dtac และ Truemove H
เมื่อวันที่ : 10 มกราคม 2555


TAGS :  Mobile Phone  iPhone  iPhone 4G  iPhone 4  ราคา iPhone 4  iPhone 4 Price  ไอโฟน 4  iPhone 5  iPhone 4  iPhone 4S  ไอโฟน 4S 

อยากรวย


ดร.สุวิทย์ ธนียวัน..อยากรวย ต้องประหยัด

ดร.สุวิทย์ ธนียวัน
"ถ้าอยากรวย ต้องประหยัด!!!" และ "ออมก่อน รวยก่อน!!!" สมการการจัดการเงินทองของ "ดร.สุวิทย์ ธนียวัน"


อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่วันนี้ เขาพูดได้อย่างเต็มปากว่าความร่ำรวยที่เกิดขึ้น  มาจากนิสัยประหยัด และการใช้ชีวิตสมถะของเขา
"บ้านเราจนมาก่อน มาจากเมืองจีน ไม่มีอะไรเลย  วันไหนที่เรารู้สึกลำบากหรือแย่กับปัญหาที่เกิดขึ้น  พอย้อนกลับไปมองชีวิตลำบากแบบเดิมๆ แล้วรู้สึกว่าเราปัญหานิดหน่อยเอง  ผมอยู่กับความประหยัดมาตลอดชีวิต  ตอนอายุ  22 ได้ทุนไปอเมริกา ไม่เคยเดินทางต่างประเทศเลย  แค่นั่งเครื่องบินไปก็กลัว ตอนอยู่อเมริกา 7-8 ปี กลับมามีเงินเก็บ เพราะผมออมก่อนได้เปรียบกว่าคนออมช้า"
ดร.สุวิทย์ ธนียวันนั่นเพราะระหว่างที่เรียน  ดร.สุวิทย์บอกว่า เขาเรียนไปทำงานไป  ทำแม้กระทั่งส่งพิซซ่าตามบ้าน  ใช้ชีวิตอยู่แบบประหยัดตลอด ค่าเล่าเรียนฟรี  มีเงินเดือนนักเรียนทุน  ตอนจบเงินเดือน 800 เหรียญ มีลูกที่นั่น 2 คน  ก็ยังใช้ชีวิตแบบสมถะมาตลอด  พอกลับมาเมืองไทยก็เริ่มทำงาน  แม้จะเงินเดือนไม่เยอะ แต่ก็สะสมเงินเก็บได้ตลอด  เพราะเป็นคนใช้น้อย  และไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
"บ้านผมถูกปลูกฝังให้รู้จักเก็บหอมรอมริบทุกคน บางคนบอกว่าผมขี้เหนียว ไม่เที่ยวเตร่ แต่ผมคิดว่าถ้าเราไม่รู้จักเก็บ เราก็ไม่มีเงิน   ผมจึงรู้สึกว่า ถ้าเราไม่มีไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน ก็ต้องอดออมและประหยัด  ตอนผมกลับมาจากเมืองนอกมีเงินกลับประมาณ 1-2 ล้าน  จากวันนั้นถึงวันนี้ ผมยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  สะสมเงินทองมาเรื่อย  จริงๆ ตอนนี้ผมเกษียณได้เลย  คำนวณแล้วบนสมมติฐานที่มีชีวิตอยู่ถึง 85 จากเงินก้อนที่เก็บ  ผมและภรรยาอยู่สบายๆ แน่  แต่ถ้าถึง 100 อาจจะลำบาก  ถึงแม้ผมจะสะสมเงินพอแล้ว แต่ก็ใช้ชีวิตแบบไม่ประมาทนะ"
ดร.สุวิทย์บอกว่า  ชีวิตที่มีเงินทองอย่างทุกวันนี้ เกิดจากการออมแล้วต่อยอดด้วยการลงทุน  เขาเล่าว่าจังหวะที่กลับมาจากต่างประเทศมีเงินก้อนหนึ่ง ซึ่งช่วงนั้นตลาดหุ้นกำลังน่าลงทุนพอดี  จึงตัดสินใจนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุน  ก็มีขาดทุนบ้างกำไรบ้าง  แต่ยึดคติเลือกหุ้นที่ไม่เสี่ยงมาก จากนั้น  การลงทุนในตลาดหุ้นบวกกับเงินเก็บเล็กผสมน้อยอยู่ตลอดเวลา ก็ทำให้เงินทองของเขาค่อยๆ เพิ่มขึ้น  จากนั้นจึงออมด้วยการทำประกันชีวิต
"ตอนนั้นก็เริ่มทยอยทำประกัน จนถึงวันที่ครบกำหนดประกัน ก็มานั่งนึกว่า ทำไมเราทำประกันไว้แค่ 4-5 ฉบับเอง น้อยจังเลย  แต่นั่นทำให้ผมรู้ว่าอย่างน้อยการมีกรมธรรม์ 3-4 ใบ ก็พอจะทำให้มีเงินบ้าง"  
เขายังเล่าว่าชีวิตของเขาคลุกคลีมากับการเรียนเศรษฐศาสตร์ พอเริ่มทำงานก็ทำด้านนี้ และสอนหนังสือมาตลอดชีวิต  แต่ก็มีความหลากหลายอยู่ในตัว เพราะบางช่วงก็ไปเป็นที่ปรึกษาด้านมาร์เก็ตติ้ง และทำงานด้านไฟแนนซ์บ้าง 
"ผมว่าแต่ละงานให้ประสบการณ์ไม่เหมือนกัน  ชีวิตเราก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ ผมพอใจชีวิตในแบบที่ไม่ต้องวุ่นวายกับใคร  หลังจากได้ลองงานที่หลากหลายขึ้น  ผมพบว่ามาร์เก็ตติ้งสอนให้คนนิ่งไม่ได้  ต้องคิดตลอด  ต้องชอบและรักจริงๆ  ส่วนงานด้านไฟแนนซ์ทำให้เราเป็นคนละเอียดถี่ถ้วน แต่เป็นนักวิชาการมากไปหน่อย  ส่วนงานสอนหนังสือ ผมคิดว่าตราบใดที่ยังแข็งแรงอยู่ไม่ว่าจะอายุขนาดไหน ก็จะทำไปเรื่อยๆ มีช่วงหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสทำงานกับนายห้างเทียม โชควัฒนา  ท่านเป็นบุคคลที่มีคำสอนมากมาย ท่านใช้ชีวิตสมถะ  ชอบสอน  สอนด้วยคำคม  เพราะคนรุ่นนั้นเขาพูดคำคมกันเยอะ"
ดร.สุวิทย์บอกว่า  คนเราวางแผนใช้ชีวิตให้มีความสุขและอยู่ห่างจากความเสี่ยงได้   ข้อแนะนำทั่วไปของเขาคือ ต้องรีบวางแผนเกษียณ และอย่าประมาทกับการใช้ชีวิต  ปัจจุบันคนอายุยืนขึ้น  ถ้าเราไม่วางแผนสะสมเงินออมเอาไว้ อนาคตถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยจะลำบากอย่างแน่นอน  ยิ่งถ้าไปเจอปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่แพงมาก  ก็จะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
"อายุยิ่งยืน ยิ่งต้องวางแผน  จะใช้ชีวิตอย่างไร้แก่นสารไม่ได้  อายุ 34-35 ต้องเริ่มวางแผนแล้ว เลิกสนุกได้แล้ว  ทำอะไรต้องรีบทำ คนเรามีเวลาจริงๆ  20 ปีสำหรับทำงาน  เริ่มมีแก่นสารตอน 35  จะไปทำอะไรตอนอายุ 50 ไม่ทันแล้ว"
เขาว่า มนุษย์เรามีความเสี่ยงอยู่รอบตัว ฉะนั้นจะประมาทกับการใช้ชีวิตไม่ได้  ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านการเงิน  ที่ปัญหาของผู้คนทุกวันนี้คือเก็บออมไม่ได้ คนที่ไม่มีเงินออมก็จะบอกว่าไม่มีอยู่เรื่อยๆ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มี ก็เริ่มต้นทำให้ตัวเองมีเงินออม
"หลายคนที่บ่นว่าออมไม่ได้ ผมว่าง่ายๆ ก็หัดทรมานตัวเองหน่อย กินให้น้อยลง เก็บหอมรอมริบ พยายามไม่อยากมีอะไร สร้างนิสัยประหยัด ตรงนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้ชีวิตและสร้างเงินออมได้ในที่สุด เมืองไทยของเรายังดีนะที่มีการออมประมาณ 30% ของจีดีพี ถ้าเทียบกับการออมของคนอเมริกาที่น้อยมาก เวลาเศรษฐกิจไม่ดี คนก็ตกงานกันหมด"
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านอาชีพและด้านการศึกษา   ความเสี่ยงด้านการใช้ชีวิต  ความเสี่ยงด้านอนาคตที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน  ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงด้านการลงทุนอีกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ยิ่งในยุคที่อัตราดอกเบี้ยต่ำมาก ทำให้มีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะเราไม่สามารถพึ่งผลตอบแทนจากดอกเบี้ยได้อีก ดังนั้น จึงต้องป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุน ด้วยการไปลงทุนในตราสารทางการเงินช่องทางอื่นๆ แทน
ขณะเดียวกันความเสี่ยงจากความผันแปรทางเศรษฐกิจ  ก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องระวัง เช่นอัตราเงินเฟ้อที่ถ้าสูงมากก็จะทำให้ค่าของเงินในกระเป๋าของเราลดลง ปัญหาคือ ทุกวันนี้ผู้คนไม่ได้จัดการป้องกันความเสี่ยงให้ตัวเองเท่าไร นั่นทำให้ถูกความเสี่ยงจู่โจมอยู่ตลอด

การร้องเพลง

เทคนิคการร้องเพลงง่ายๆ สำหรับทุกคนครับ 

ครูกบ-เสาวนิตย์ แนะเคล็ดลับการร้องเพลง (Voice Tips)


เคล็ดลับที่ 1: เคล็ดลับการดูแลเส้นเสียงให้แข็งแรง !!!

ต้องฝึกการใช้เส้นเสียงที่เหมาะสมกับปริมาณลมอย่างสม่ำเสมอเหมือนกับการออกกำลังกายทีละนิด ทีละหน่อย จนกว่าร่างกายคุ้นเคย 

ฝึกวิธีการใช้เสียงตั้งแต่ตอนพูด ใช้ความกังวานของเสียงช่วยเพิ่มความดังแทนการตะโกน ตะเบ็ง / ไม่พูดเสียงสูง-ต่ำเกินความเป็นจริงของธรรมชาติเสียงตัวเอง (ระดับเสียงที่พูดแล้วสบาย คือธรรมชาติ) หรือไม่พูดเสียงที่เป็นลมจนเกินไป

ออกกำลังกาย (กีฬาทุกประเภทใช้ได้ทั้งหมด ขอให้มีการเคลื่อนไหวของร่างกาย) เพื่อช่วยเพิ่มพลังและผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้ร่างกายโดยรวม และเพื่อช่วยความแข็งแรงให้ระบบหายใจ

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ (สังเกตตัวเองด้วยว่าต้องการกี่ชั่วโมงเพราะร่างกายแต่ละคนต้องการแตกต่างกัน)

ทานอาหารให้ครบหมู่ / ดื่มน้ำให้เพียงพอ หรือเกินต่อความต้องการของร่างกายเสมอ 

หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกออล์ทั้งหลาย / หากเกิดอาการดื่มน้ำน้อยไป หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน-แอลกออล์มากเกินไป เส้นเสียงก็จะพลอยแห้ง อ่อนแอไปด้วย / ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องจะดีที่สุด / การดื่มน้ำเย็นไม่ได้มีผลต่อการใช้เสียงมากจนเกินควร หากไม่ป่วยหรือ มีน้ำมูก / แต่น้ำอุ่น-ร้อนเกิน จะทำให้คอรู้สึกแห้งผาก ไม่ดี โดยเฉพาะก่อนใช้เสียง

ไม่เสพสารเสพติด เช่นบุหรี่ สารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้เส้นเสียงอ่อนแอ เวลาใช้งาน จะเหนื่อย ต้องออกแรงมากกว่าปรกติ

หลีกเลี่ยงสภาวะอากาศที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายคอ หรือหายใจลำบาก เช่น มีความชื้นมากเกินไป ฝุ่นมากไป 

เคล็ดลับที่ 2: เคล็ดลับการควบคุมปริมาณลมที่พอดีกับการใช้เส้นเสียง !!!

วิธีที่ทำให้สามารถสัมผัสได้ มากกว่าการได้ยินเสียงคือ ใช้นิ้ว หรือ ฝ่ามือ มารองเสียงที่เราเปล่งออกมาจากปาก พยามยามอย่าให้มีลมปนออกมากับเสียงมาก เพราะ หากเสียงร้องมีลมออกมากพร้อมกัน แสดงว่าเส้นเสียงไม่ปิดเข้าหากัน หรือมีการใช้ลมมากเกินไป (คือปริมาณลมไม่พอดีกับการปิดของเส้นเสียง ทำใช้เส้นเสียงได้ไม่เต็มที่ เกิดข้อจำกัดในการใช้เสียง โดยเฉพาะการร้องเพลง)

เคล็ดลับที่ 3: เลือกครูสอนใช้เสียง-ร้องเพลงอย่างไร ???

ดูความต้องการของตนเองก่อนว่าอยากจะรู้เรื่องอะไร ต้องการความช่วยเหลือด้านไหน 

ดูว่าครูมีความรู้ และประสบการณ์ในการสอนเรื่องเหล่านั้นจริงหรือไม่

ดูเนื้อหาการสอน และวิธีการสอนของครูที่สอนอยู่ ว่าตอบโจทก์ที่เราต้องการไหม เป็นวิธีที่เราสามารถเรียนได้หรือไม่

หากไม่เคยมีประสบการณ์การเรียนใช้เสียง-ร้องเพลงมาก่อน ผู้เรียนควรจะได้คุยถึงวิธีทางการสอนของครู และเนื้อหาที่ตนเองอยากเรียนกับครูผู้สอนโดยตรงก่อนเริ่มเรียน 

ฟุตบอล (Football)







ฟุตบอล (Football) หรือซอคเก้อร์ (Soccer) เป็นกีฬาที่มีผู้สนใจที่จะชมการแข่งขันและเข้าร่วมเล่น
มากที่สุดในโลก
 ชนชาติใดเป็นผู้กำเนิดกีฬาชนิดนี้อย่างแท้จริงนั้นไม่อาจจะยืนยันได้แน่นอน
เพราะแต่ละชนชาติต่างยืนยันว่าเกิดจากประเทศของตน แต่ในประเทศฝรั่งเศสและประเทศอิตาลี
ได้มีการละเล่นชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ซูเลอ" (Soule) หรือจิโอโค เดล คาซิโอ (Gioco Del Calcio)
มีลักษณะการเล่นที่คล้ายคลึงกับกีฬาฟุตบอลในปัจจุบัน
 ทั้งสองประเทศอาจจะถกเถียงกันว่า
กีฬาฟุตบอลถือกำเนิดจากประเทศของตน
 อันเป็นการหาข้อยุติไม่ได้ เพราะขาดหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริง
ดังนั้น ประวัติของกีฬาฟุตบอลที่มีหลักฐานที่แท้จริงสามารถจะอ้างอิงได้ เพราะการเล่นที่ม
ีกติการการแข่งขันที่แน่นอน
 คือประเทศอังกฤษเพราะประเทศอังกฤษตั้งสมาคมฟุตบอล
ในปี พ.ศ. 2406 และฟุตบอลอาชีพของอังกฤษเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2431
วิวัฒนาการด้านฟุตบอลจะเป็นไปพร้อมกับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ตลอดมา ต้นกำเนิดกีฬาตะวันออกไกลจะได้รับอิทธิพลมาจากสงครามครั้งสำคัญๆ เช่น
สงครามพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ได้นำเอา "แกลโล-โรมัน" (Gello-Roman)
พร้อมกีฬาต่างๆ เข้ามาสู่เมืองกอล (Gaul) อันเป็นรากฐานส่วนหนึ่งของกีฬาฟุตบอลในอนาคต
และการเล่นฮาร์ปาสตัม (Harpastum) ได้ถูกดัดแปลงมาเป็นกีฬาซูเลอ

วิวัฒนาการของฟุตบอล
ภาคตะวันออกไกล
ขงจื้อได้กล่าวไว้ในหนังสือ "กังฟู" เกี่ยวกับกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกีฬาที่ใช้เท้า
และศีรษะในสมัยจักรพรรดิ์ เซิงติ (Emperor Cneng Ti) (ปี 32 ก่อนคริสตกาล)
มีการเล่นกีฬาที่คล้ายกับฟุตบอลซึ่งเรียกว่า"ซือ-ซู" (Tsu-Chu) ซึ่งหมายถึงการเตะลูกหนังด้วยเท้า

กีฬาชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ซึ่งนักประพันธ์และนักประวัติศาสตร์ในสมัยนั้นได้ยกย่อง
ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงให้เป็นวีรบุรุษของชาติ
 และในสมัยเดียวกันได้มีการเล่นคล้ายฟุตบอลใน
ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
ภาคตะวันออกกลาง
ในกรุงโรม ความเจริญของตะวันออกไกลได้แผ่ขยายถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากอิทธิพลของสงคราม
โดยพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช
 การเล่นกีฬาชนิดหนึ่งเรียกว่า ฮาร์ปาสตัม เป็นกีฬาที่นิยมของชาวโรมัน
และชาวกรีกโบราณวิธีการเล่นคือ มีประตูคนละข้าง
 แล้วเตะลูกบอลไปยังจุดหมายที่ต้องการ เช่น
จากหมู่บ้านหนึ่งไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง
 การเล่นจะเป็นการเตะ หรือการขว้างไปข้างหน้าฮาร์ปาสตัม
หมายถึงการเหวี่ยงไปข้างหน้า
 การเล่นกีฬาฮาร์ปาสตัมในกรุงโรมดูเหมือนจะเป็นต้นกำเนิด
ของกีฬาซึ่งมีการเล่นในสมัยกลาง
ในการเล่นฮาร์ปาสตัม ขนาดของสนามจะเล็กกว่าสนามกีฬาซูเลอ แต่จุดประสงค์ของกีฬาทั้งสอง
คือ การนำลูกบอล ไปยังแดนของตน
 แต่เนื่องจากมีเสียงอึกทึกโครมครามจากการวิ่งแย่งลูกบอล
ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้มากมาย อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า จึงมีพระบรมราชโองการในนาม
ของพระเจ้าแผ่นดินห้ามเล่นกีฬาดังกล่าวในเมือง
 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษถึงจำคุก นอกจากนี้ยังมีข้อห้าม
ซึ่งออกในวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ.1892 ขอให้เล่นยิงธนูในวันฉลองต่าง ๆ แทนการเล่นเกมฟุตบอล
ในโอกาสต่อมากีฬาฟุตบอลได้จัดให้มีการแข่งขันกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นการเผชิญหน้ากันระหว่างทีมต่างๆ
ที่อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ไมล์ ( 5-6.5 กิโลเมตร- )
ในปี พ.ศ. 2344 กีฬาชนิดนี้ได้ขัดเกลาให้ดีขึ้น มีการกำหนดจำนวนผู้เล่นให้เท่ากันในแต่ละข้าง
ขนาดของสนามอยู่ในระหว่าง 80 - 100 หลา (73-91 เมตร) และมีประตูทั้งสองข้างที่ริมสุดของสนาม
ซึ่งทำด้วยไม้ 2 อัน
 ห่างกัน 2-3 ฟุต
ในปี พ.ศ. 2366 ได้จัดให้มีการเล่นฟุตบอลในรูปแบบของการเล่นใน ปัจจุบัน William Alice
คือผู้เริ่มวางกฎบังคับต่างๆ สำหรับกีฬาฟุตบอลและรักบี้ ในปี พ.ศ. 2393 ได้มีการออกระเบียบ
และกฎของการเล่นไปสู่ ดินแดนต่างๆ ให้ปฏิบัติตาม
 โดยจำกัดจำนวนผู้เล่นให้มีข้างละ 15-20 คน
ในปี พ.ศ. 2413 มีการกำหนดผู้เล่นให้เหลือข้างละ 11 คน โดยมีผู้เล่นกองหน้า 9 คน และผู้เล่น
รักษาประตู 2 คน
 โดยผู้รักษาประตูใช้เท้าเล่นเหมือน 9 คนแรกจนกระทั่งให้เหลือผู้รักษาประตู 1 คน 
แต่อนุญาตให้ใช้มือจับลูกบอลได้ในปี พ.ศ. 2423
ในปี พ.ศ. 2400 สโมสรฟุตบอลได้ก่อตั้งเป็นครั้งแรกที่เมืองเซนพัสด์ประเทศอังกฤษ
และต่อมาในวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2406 สโมสรฟุตบอล 11 แห่งได้มารวมกันที่กรุงลอนดอน
เพื่อก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น
 ซึ่งถือเป็นรากฐานในการกำเนิดสมาคมแห่งชาติ จนถึง 140 สมาคม และทำให้ผู้เล่นฟุตบอลต้องเล่นตามกฎและกติกาของสมาคมฟุตบอล จนเวลาผ่านไปจากคำว่า
Association ก็ย่อเป็น Assoc และกลายเป็น Soccer ขึ้นในที่สุด
 ซึ่งนิยมเรียกกันในประเทศอังกฤษ
แต่ชาวอเมริกันเรียกว่า Football หมายถึง American football
ภายนอกเกาะอังกฤษ พวกกะลาสีเรือ ทหาร พ่อค้า วิศวกร หรือแม้แต่นักบวชได้นำกีฬาชนิดนี้
ไปเผยแพร่ ประเทศเดนมาร์กเป็นประเทศที่ 2 ในยุโรป
ในอเมริกาใต้ สโมสรแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศอาร์เจนตินา เมื่อพี่น้องชาวอังกฤษ 2 คน ได้ลงข้อความโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเมืองบูเอโนสไอเรส (Buenos Aires) เพื่อ หาผู้อาสาสมัคร
ในปี พ.ศ. 2427 กีฬาฟุตบอลก็กลายมาเป็นวิชาหนึ่งในโรงเรียนของเมืองบูเอโนสไอเรส
 
การแข่งขันระดับชาติครั้งแรกในทวีปอเมริกาใต้ คือ
 การแข่งขันระหว่างอาร์เจนตินากับอุรุกวัย
ในปี พ.ศ.2448 แต่อเมริกาเหนือเริ่มแข่งขันเมื่อปี พ.ศ. 2435
ในอิตาลี ฮาร์ปาสตัมเป็นต้นกำเนิดจิโอโค เดล คาลซิโอ ผู้เล่นกีฬาจะเป็นผู้นำทางสังคม
หรือแม้แต่ผู้นำชั้นสูงของศาสนา
 เช่นสันตปาปา เกลาเมนต์ที่ 7 ลีออนที่ 10 และเออร์เบนที่ 7
เป็นถึงแชมเปี้ยนในกีฬาฟลอเรนไทน์ฟุตบอล
 ต่อมาชาวโรมันได้ดัดแปลงเกมการเล่นฮาร์ปาสตัมเสียใหม่
โดยกำหนดให้ใช้เท้าแตะลูกบอลเท่านั้น ส่วนมือให้ใช้เฉพาะการทุ่มลูกบอล ซึ่งนักรบชาวโรมัน นิยมเล่นกันมาก
กีฬาฮาร์ปาสตัมซึ่งมีต้นกำเนิดจากสมัยโรมันได้ถูกแปลงมาเป็นกีฬาซูลอหรือซูเลอ
กีฬาชนิดนี้เหมือนกับฮาร์ปาสตัม คือ นำลูกบอลกลับไปยังแดนของตน แต่สนามมีขนาดกว้างกว่ามาก
การเล่นซูเลอมักจะมีขึ้นในบ่ายวันอาทิตย์หลังการสวดมนต์เย็น จะมีการแข่งขันสำคัญในช่วงเวลาดีคาร์นิวาลกีฬาชนิดนี้เป็นที่นิยมมากในเขตปริตานีและมอร์ลังดี กีฬานี้ได้ถูกเผยแพร่ไปยังอังกฤษโดยผู้ติดตาม
ของวิลเลี่ยมผู้พิชิตภายหลัง
 การรบที่เฮสติ้ง (Hasting)
เมื่อ 900 ปีกว่ามาแล้ว ประเทศอังกฤษได้ตกอยู่ในความปกครองของพวกเคนส์ เชื้อสายโรมัน 
ซึ่งยกกองทัพมาตีหมู่เกาะอังกฤษตอนใต้ และได้ปกครองเรื่อยมาจนถึงปี พ.ศ. 1589 อังกฤษเริ่มเข้มแข็งขึ้น และสามารถขับไล่พวกเคนส์ออกจากประเทศได้ หลังจากนั้น 2-3 ปี อังกฤษจึงเริ่มปรับปรุงประเทศเป็นการใหญ่
มีการขุดอุโมงค์ตามพื้นที่หลายแห่ง
 ซึ่งในการขุดอุโมงค์คนงานคนหนึ่งได้ขุดไปพบกะโหลกศีรษะใน
บริเวณที่เคยเป็นสนามรบ
 และเป็นที่ฝังศพของพวกเคนส์มาก่อนทุกคนในที่นั้นแน่ใจว่าเป็นกะโหลกศีรษะ
ของพวกเคนส์
 อารมณ์แค้นจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อต่างคนต่างคิดถึงเหตุการณ์ที่ถูกพวกเคนส์กดขี่ทารุณจิตใจ
คนอังกฤษในสมัยนั้นด้วยเหตุผลนี้
 คนงานคนหนึ่งจึงเตะกะโหลกศีรษะนั้นทันที ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นก็พากันหยุดงานชั่วคราว แล้วหันมาเตะกะโหลกศีรษะเป็นการใหญ่ เพื่อระบายอารมณ์แค้นที่เก็บไว้อย่างสนุกสนาน ผลที่สุดเมื่อพวกนี้หากะโหลกศีรษะเตะกันไม่ได้ก็เอาถุงลมของวัวมาทำเป็นลูกกลมขึ้นเตะแทนกะโหลกศีรษะ
ปรากฏว่าเป็นที่รื่นเริงสนุกสนามกันมาก
ต่อมาชาวโรมันได้นำเกมนี้ไปเล่นในอังกฤษ จากนั้นชาวอังกฤษก็ได้ปรับปรุงวิธีการเล่น
เทคนิคการเล่น
 ตลอดจนกติกาให้เหมือนในสมัยปัจจุบัน คือเกมฟุตบอลที่ใช้เท้าเล่น
แต่ในระยะแรกของการเล่นฟุตบอลจะเล่นกันเป็นกลุ่มๆ เฉพาะพวกคนธรรมดาเท่านั้น
 
ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้เล่น ประตูจะห่างกันเป็นไมล์ และใช้เวลาในการเล่นหลายชั่วโมง

จะเป็นการเล่นระหว่างทหารใหม่ที่ถูกเกณฑ์ นักบวช คนที่แต่งงานแล้ว คนโสด และพวกพ่อค้า
เกมชนิดได้กลายเป็นสิ่งฉลองในงานพิธีต่างๆ เช่น ในวันโชรพ ทิวส์เดย์ (Shrove Tuesday)
จะมีฟุตบอลนัดสำคัญให้คนได้ชม
 เกมในสมัยนั้นจะเล่นกันอย่างรุนแรงและมีการบาดเจ็บกันมาก
ในวันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 1857 พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 2 ได้ทรงออกพระราชกฤษฎีกา
เนื่องจากมีเสียงอึกทึกครึกโครมจาการวิ่งแย่งลูกบอล ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุมากมาย
อันเป็นข้อห้ามของพระเจ้า
 โดยห้ามเล่นกีฬาดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนมีโทษจำคุก
ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฎของสมาคมแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2412
ระหว่างทีมรัตเกอร์กับทีมบรินท์ตัน
 จากนั้นกิจการฟุตบอลได้เจริญขึ้นช้าๆ
ในต่างจังหวัดจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้มีการตั้ง
สมาคมฟุตบอลต่างจังหวัดขึ้นในปี พ.ศ. 2450 และมีการฝึกสอนในปี พ.ศ. 2484
ในทวีปเอเชีย อินเดียเป็นประเทศแรกที่เริ่มเล่นฟุตบอล ศาสตราจารย์จากวิทยาลัยกัลกัตตา
เป็นผู้นำสำเนากฎหมายการเล่นมาเผยแพร่ในปี พ.ศ. 2426 และในปี พ.ศ. 2435
ได้มีการแข่งขันชิงถ้วยรางวัลเป็นครั้งแรกในทวีปซึ่งยังไม่มีชื่อเสียงในด้านการเล่นฟุตบอล

กีฬาชนิดนี้ก็ได้เริ่มมีการเล่นมาก่อนร่วมร้อยปีแล้ว เช่น สมาคมฟุตบอลแห่งนิวเซาท์เวลส์
ได้ถูกตั้งขึ้นในออสเตรเลีย ปี พ.ศ. 2425 และสมาคมฟุตบอลของนิวซีแลนด์ได้ถูกตั้งขึ้นหลังจากนั้น 9 ปี
ในแอฟริกา สมาคมระดับชาติแห่งแรกได้ถูกตั้งขึ้นในประเทศแอฟริกาใต้ 
แต่อียิปต์เป็นประเทศแรกที่มีการแข่งขันระดับชาติในปี พ.ศ. 2467 คือ 3 ปี
 หลังจากที่ได้ก่อตั้งสมาคมขึ้น
และอียิปต์สามารถเอาชนะฮังการีได้ 3-0 ในกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส
การแข่งขันระดับชาติเป็นการแข่งขันระหว่างอังกฤษกับสกอตแลนด์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2415 และในปีแรกของศตวรรษที่ 20 โดยประเทศยุโรปอื่นๆ อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2447 กลุ่มประเทศต่างๆ ในแถบนี้ได้ประชุมกันที่ปารีสเพื่อตั้งสมาคมฟุตบอลนานาชาติขึ้น ในครั้งแรกก่อนการจัดตั้งสหพันธ์ 20 วัน สเปนและเดนมาร์กไม่เคยร่วมการแข่งขันระดับชาติมาก่อน และ 3 ประเทศใน 7 ประเทศ
ที่เข้าร่วมประชุมยังไม่มีสมาคมฟุตบอลในชาติของตน
 แต่ฟีฟ่าก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยมา
โดยมีสมาชิก 5 ชาติ ในปี พ.ศ. 2481 และ 73 ชาติ
 ในปี พ.ศ. 2493 และในปัจจุบันมีสมาชิกถึง 146 ประเทศ 
ที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมของฟีฟ่า
 ทำให้ฟีฟ่าเป็นองค์การกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สมาพันธ์ประจำทวีปของสมาคมฟุตบอลแห่งแรกที่ตั้งขึ้นคือ Conmebol ซึ่งเป็นสมาพันธ์ของอเมริกาใต้ สมาพันธ์นี้ได้ถูกจัดขึ้นเพื่อจัดตั้งเพื่อจัดการแข่งขันชิงชนะเลิศภายในทวีปอเมริกาใต้ ในปี พ.ศ. 2460
เกือบครึ่งศตวรรษ ต่อมาเมื่การแข่งขันภายในทวีปได้แพร่หลายมากขึ้น
 จึงได้มีการจัดตั้งสมาพันธ์ในทวีปอื่นๆ ขึ้นอีกคือสหภาพสมาคมฟุตบอลยุโรป
ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งในทวีปเอเชีย และ 2 ปี
 ก่อนการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลยุโรป ในปี พ.ศ. 2497 ซึ่งเป็นปีเดียวกับการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งแอฟริกา (Concacaf)หรือสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอเมริกากลาง อเมริกาเหนือ
และแคริบเบี้ยน
 ได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2504 และน้องใหม่ในวงการฟุตบอลโลกคือ สมาพันธ์ฟุตบอล
แห่งโอเชียนเนีย (Oceannir)

สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (Federation International Football Association FIFA)
ก่อตั้งขึ้นที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. 2447 โดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศฝรั่งเศส
และประเทศที่เข้าร่วมก่อตั้ง 7 ประเทศคือ
 ฝรั่งเศส เบลเยียม เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ สเปน สวีเดน
และสวิตเซอร์แลนด์
 มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ เมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
สมาพันธ์ฟุตบอลที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ
1. Africa (C.A.F.) เป็นเขตที่มีสมาชิกมากที่สุด ได้แก่ ประเทศแอลจีเรีย ตูนิเซีย แซร์ ไนจีเรีย และซูดาน เป็นต้น
2. America-North and Central Caribbean (Concacaf) ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก
คิวบา เอติ เอลซัลวาดอร์
 กัวเตมาลา และฮอนดูรัส เป็นต้น
3. South America (Conmebol) ได้แก่ ประเทศเปรู บราซิล อุรุกวัย โบลิเวีย อาร์เจนตินา ชิลี เวเนซุเอลา
อีคิวเตอร์ และโคลัมเบีย
 เป็นต้น
4. Asia (A.F.C.)เป็นเขตที่มีสมาชิกรองจากแอฟริกา ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น
ฮ่องกง เลบานอน อิสราเอล อิหร่าน จอร์แดน
 และเนปาล เป็นต้น
5. Europe (U.E.F.A.) เป็นเขตที่มีการพัฒนามากที่สุด ได้แก่ ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน
ฮังการี
 อิตาลี สกอตแลนด์ รัสเซีย สวีเดน สเปน และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น
6. Oceannir เป็นเขตที่มีสมาชิกน้อยที่สุดและเพิ่งจะได้รับการแบ่งแยก ได้แก่ ประเทศออสเตรเลีย
นิวซีแลนด์ ฟิจิ และปาปัวนิวกินี เป็นต้น ซึ่งประเทศต่างๆ ที่เป็นสมาชิกต้องเสียค่าบำรุงเป็นรายปี
ปีละ 300 ฟรังสวิสส์ หรือประมาณ 2,400 บาท

สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย

ในทวีปเอเชียมีการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเอเชีย (A.F.C.) เพื่อดำเนินการด้านฟุตบอล ดังนี้
พ.ศ. 2495 มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยมีนักกีฬาและเจ้าหน้าที่
จากประเทศในเอเชียเข้ามาร่วมการแข่งขันด้วย
 จึงได้ปรึกษาหารือกันในการจัดตั้งสหพันธ์ฟุตบอลเอเชียขึ้น
พ.ศ. 2497 มีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ก็ได้เริ่มตั้งคณะกรรมการจากชาติต่างๆ
ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก 12 ประเทศ
พ.ศ. 2501 มีการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการประชุมเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก และมีประเทศเข้าร่วม
เป็นสมาชิกรวมเป็น 35 ประเทศ
พ.ศ. 2509 ฟีฟ่าได้มองเห็นความสำคัญของ A.F.C. จึงได้กำหนดให้มีเลขานุการประจำในเอเชีย
โดยออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
 รวมทั้งเงินเดือน และคนแรกที่ได้รับตำแหน่งคือ Khow Eve Turk
พ.ศ. 2517 ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ที่เตหะราน ประเทศอิหร่านได้มีการประชุมประเทศสมาชิก A.F.C.
และที่ประชุมได้ลงมติขับไล่อิสราเอล ออกจากสมาชิก และให้จีนแดงเข้าเป็นสมาชิกแทน
 ทั้งๆ
ที่จีนแดงไม่ได้เป็นสมาชิกของฟีฟ่า
 นับว่าเป็นการสร้างเหตุการณ์ที่ประหลาดใจให้กับบุคคลทั่วไป
เป็นอย่างมากทั้งนี้เนื่องจากเหตุผลทางการเมือง
พ.ศ. 2519 มีการประชุมกันที่ประเทศมาเลเซีย ปรากฏว่าประเทศสมาชิกได้ลงมติให้ขับไล่
ประเทศไต้หวันออกจากสมาชิก
 และให้รับจีนแดงเข้ามาเป็นสมาชิกแทน ทั้งๆ ที่ไต้หวัน
เป็นประเทศที่ร่วมกันก่อตั้งสหพันธ์ขึ้นมา
งานของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย
1. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Asian Cup
2. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Asian Youth
3. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก
4. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม Pre-Olympic
5. ดำเนินการจัดการแข่งขันและควบคุม World Youth
6. ควบคุมการแข่งขัน Kings Cup, President Cup, Merdeka, Djakarta Cup
นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากฟีฟ่าจัดส่งวิทยากรมาช่วยดำเนินการ

สรุปวิวัฒนาการของฟุตบอล
ก่อนคริสตกาล - อ้างถึงการเล่นเกมซึ่งเปรียบเสมือนต้นฉบับของกีฬาฟุตบอลที่เก่าแก่ที่
ได้มีการค้นพบจากการเขียนภาษาญี่ปุ่น-จีน
 และในสมัยวรรณคดีของกรีกและโรมัน
ยุคกลาง - ประวัติบันทึกการเล่นในเกาะอังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศส
ปี พ.ศ. 1857 - พระเจ้าเอ๊ดเวิร์ดที่ 3 ทรงออกพระราชกฤษฎีกาห้ามเล่นฟุตบอล
เพราะจะรบกวนการยิงธนู
ปี พ.ศ. 2104 - Richardo Custor อาจารย์สอนหนังสือชาวอังกฤษกล่าวถึงการเล่นว่า
ควรกำหนดไว้ในบทเรียนของเยาวชน โดยได้รับอิทธิพลจาการเล่นกาลซิโอในเมืองฟลอเร้นท์
ปี พ.ศ. 2123 -Riovanni Party ได้จัดพิมพ์กติการการเล่นคาลซิโอ
ปี พ.ศ. 2223 -ฟุตบอลในประเทศอังกฤษได้รับพระบรมราชานุเคราะห์จากพระเจ้าชาร์ลที่ 2
ปี พ.ศ. 2391 -ได้มีการเขียนกฎข้อบังคับเคมบริดจ์ขึ้นเป็นครั้งแรก
ปี พ.ศ. 2406 -ได้มีการก่อตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้น
ปี พ.ศ. 2426 -สมาคมฟุตบอลจักรภพ 4 แห่ง ยอมรับองค์กรควบคุม และจัดตั้งกรรมการระหว่างชาติ
ปี พ.ศ. 2429 -สมาคมฟุตบอลเริ่มทำการฝึกเจ้าหน้าที่ที่จัดการแข่งขัน
ปี พ.ศ. 2431 -เริ่มเปิดการแข่งขันฟุตบอลลีก โดยยินยอมให้มีนักฟุตบอลอาชีพ
และเพิ่มอำนาจการควบคุมให้ผู้ตัดสิน
ปี พ.ศ. 2432 -สมาคมฟุตบอลส่งทีมไปแข่งขันในต่างประเทศ เช่น เยอรมันไปเยือนอังกฤษ